โคลนถล่มยะลา นายกฯ มาประชุม ครม. จังหวัดไทยรักไทย

จากวิกิข่าว, แหล่งข่าวเสรีที่คุณร่วมเขียนได้

20 ธันวาคม พ.ศ. 2548 

เตือน บทความนี้ไม่ได้รับการยอมรับเกี่ยวกับความเป็นกลาง

"แม้ว" สัญจรสุโขทัยเพราะเลือกไทยรักไทยยกจังหวัด ต้องรีบมาแก้น้ำยมไม่ให้ท่วม ส่วนภาคใต้สถานการณ์เริ่มไว้วางใจ ส่งลูกน้องอยู่โยงเฝ้า

ในวันนี้ (20 ธ.ค.) แม้สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ภาคใต้เริ่มคลี่คลายเข้าสู่สภาพปกติ แต่ยังมีรายงานเกิดเหตุดินโคลนทับบ้านเรือนประชาชนเสียหายที่หมู่บ้าน กม.26 หมู่ 2 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ประชาชนเกือบ 1,000 คนเดือดร้อน และขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค สำหรับเขตเทศบาลนครยะลา ย่านการค้าสำคัญ หลังเทศบาลนครยะลา ยังคงระดมระบายน้ำลงสู่แม่น้ำปัตตานี ส่วนพื้นที่รอบนอก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่ม คือ อ.รามัน บริเวณริมแม่น้ำสายบุรี อ.บันนังสตา อ.ยะหา บ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วม เช่นเดียวกับ อ.เมือง 3 ตำบล คือ ต.ท่าสาป ต.หน้าถ้ำ ต.ลิดล ยังมีน้ำท่วมขัง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน หลายหน่วยงานออกให้ความช่วยเหลือแจกเครื่องอุปโภคบริโภคแล้ว

เส้นทางหลักยังไม่สามารถสัญจรได้ ขณะที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดให้บริการเฉพาะเส้นทางยะลา-สุไหงโก-ลก และ ยะลา-ปัตตานี ส่วนผู้โดยสารที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพมหานคร ต้องขึ้นรถไฟที่สถานีเทพา จ.สงขลา เท่านั้น)

ใน จ.ปัตตานี สภาพน้ำท่วมยังขยายวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองปัตตานี หลังจากระดับน้ำเพิ่มขึ้นเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เนื่องจากมีน้ำทะเลหนุน และน้ำจากจ.ยะลาไหลลงมาสมทบอย่างต่อเนื่อง โดยระดับน้ำเฉลี่ยประมาณ 20-50 เซนติเมตร และคงที่ในช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำปัตตานี บริเวณชุมชนโรงอ่างและจะบังติกอ ระดับน้ำยังคงท่วมสูงกว่า 1 เมตร ส่วนบริเวณวงเวียนหอนาฬิกา ระดับน้ำสูงประมาณ 50 เซนติเมตร โดยเฉพาะบริเวณหน้าวิทยาลัยเทคนิคปัตตานี และโรงแรมมายการ์เดน รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ เจ้าหน้าที่ต้องนำป้ายมาติดตั้งบริเวณถนน เพื่อความปลอดภัย และขอความร่วมมือประชาชนในการใช้รถสัญจรไปมาบริเวณที่มีน้ำท่วม เพื่อป้องกันกระแสน้ำทะลักเข้าบ้านเรือนราษฎร

มีรายงานว่าผู้ที่ต้องการจะเดินทางไป อ.หาดใหญ่ สามารถใช้เส้นทางสาย 452 โคกโพธิ์-คลองแงะ แทนถนนสายปัตตานี-เทพา ซึ่งมีน้ำท่วมขังบริเวณแยกพระพุทธ

และใน จ.นครศรีธรรมราช หลังจากเกิดน้ำท่วมระลอก 3 ในหลายอำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง อ.ทุ่งสง อ.ชะอวด อ.จุฬาภรณ์ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ปากพนัง อ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร แต่ฝนได้หยุดตกมา 2 วัน ทำให้วันนี้สภาพอากาศโปร่งใส มีแสงแดดจ้า ระดับน้ำเริ่มลดลงคืนสู่ภาวะปกติ โดยที่ อ.ชะอวด อ.ทุ่งสง ยกเว้นอำเภอในเขตลุ่มน้ำปากพนัง คือ อ.ปากพนัง อ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.เมือง น้ำยังสูงกว่า 1-2 เมตร เนื่องจากน้ำจากตอนเหนืของจังหวัดไหลลงมาในพื้นที่ลุ่มจุดรองรับน้ำ

ในวันเดียวกันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางไปประชุม ครม. นอกสถานที่ที่ จ.สุโขทัย ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่แรกด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมรุ่งอรุณแห่งความสุข ตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป ที่ศาลพระแม่ย่า สิ่งศักดิ์สิทธิประจำ อ.เมือง จ.สุโขทัย จากนั้นได้เยี่ยมชมเขื่อนกักน้ำริมน้ำยม ตรงข้ามศาลแม่ย่า พร้อมกล่าวถึงปัญหาน้ำในแม่น้ำยมว่า หากมีการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำยมอย่างดีจะทำให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงเห็นควรให้มีเขื่อนเก็บกักน้ำเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม และให้มีน้ำใช้ในฤดูแล้ง จากนั้นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ได้ร่วมรับประทานอาหารเช้าบริเวณบ้านพักของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ณ ห้องปริญญาโท มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จ.สุโขทัย

สำหรับวาระสำคัญในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรครั้งนี้คือ โครงการโคล้านครอบครัว และโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวในจังหวัดสุโขทัย เพื่อการพัฒนาสอดคล้องกับการท่องเที่ยวในภาคเหนือตอนบน เช่น เชียงใหม่ เป็นต้น

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ว่า ตอนนี้ยังคงหนักอยู่มากเพราะไม่เคยมีฝนตกเยอะขนาดนี้ วันละหลายมิลลิเมตร ล่าสุดยังตกกว่า 100 มิลลิเมตร ที่จ.พัทลุง ท่วมสูงสุดกว่าคราวก่อนถึง 500 กว่ามิลลิเมตร ขณะที่เมื่อปี 2520 ตกแค่ 200 มิลลิเมตรเท่านั้น ทั้งยังมีปัญหาการขุดลอกคลอง ร.1 ซึ่งล่าช้ากว่าปกติ บ้างคนบอกว่าชาวบ้านไม่ยอมย้ายออก บางคนบอกว่าบริษัทพยายามดีเลย์ แท็กติก ต้องการที่จะยืดเวลาทำงาน ตอนนี้ต้องเร่งแก้ให้เสร็จเพราะในวันที่ 21-22 ธ.ค. นี้จะมีฝนจะมาอีกระลอกหนึ่ง หากพ้นจุดนี้ไปได้ก็ถือว่าพ้นแล้ว ตอนนี้ได้ให้ รมว.มหาดไทย และ รมช.มหาดไทย ไปปักหลักอยู่ที่นั้น เพื่อช่วยเหลือโดยให้งบประมาณและเครื่องมืออย่างเต็มที่

ก่อนหน้านี้ (19 ธ.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวกับประชาชน จ.สุโขทัย ว่า การประชุม ครม. นอกสถานที่ครั้งนี้ จะเกิดประโยชน์ต่อชาวสุโขทัยและพื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะที่ จ.สุโขทัย ซึ่งมี ส.ส.ไทยรักไทยยกจังหวัด จึงต้องมาช่วยแก้ปัญหาให้

แหล่งที่มา