เซ็นทรัล-เดอะมอลล์ รอดพ้นเงื่อนไขร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีก

จากวิกิข่าว, แหล่งข่าวเสรีที่คุณร่วมเขียนได้

1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยระหว่างชี้แจงคณะกรรมมาธิการการพาณิชย์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ.... ว่า กรมฯ เตรียมร่างกฎกระทรวง ที่จำเป็นควบคู่การพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ของ สนช. โดยมีสาระสำคัญ คือ ร้านค้าปลีกที่ไม่ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ. มี 3 ประเภท ได้แก่

  1. ดีพาร์ท เม้นท์ สโตร์ เช่น ห้างเซ็นทรัล เดอะมอลล์ โรบิน สัน เนื่องจากเป็นการขายปลีกสินค้าระดับบน ที่มีราคาสูงกว่าร้านค้าปลีกรายย่อย และไม่ได้ทำให้ร้านค้าปลีกรายย่อยได้รับผลกระทบ
  2. แคท เทอ กอลลี่ คิลเลอร์ ร้านสินค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น เพาเวอร์บาย
  3. สเปเชียลตี้ สโตร์ ซึ่งเป็นร้านขายปลีกสินค้าเฉพาะ เช่น ร้านขายยา ร้านขายอัญมณีและเครื่องประดับ ร้านขายหนังสือ หนังสือพิมพ์

อย่างไรก็ตามหากห้างค้าปลีกไปเปิดสาขาในพื้นที่ของดีพาร์ทเมนท์ สโตร์ ต้องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจค้าปลีก เพราะเข้าเงื่อนไขการพิจารณาจากตัวผู้ประกอบการเป็นหลัก ไม่ได้พิจารณาสถานที่ประกอบการ ส่วนประเภทธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่งที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย มี 4 ประเภท ได้แก่

  1. ดิสเคาท์สโตร์
  2. ไฮเปอร์มาร์เกต
  3. ซูเปอร์มาร์เกต
  4. แคช แอนด์ แครี่ เช่น ห้างแม็คโคร

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ สนช. กล่าวว่า ต้องการให้ร่างกฎหมายดังกล่าวพิจารณาเสร็จทันภายในรัฐบาลชุดนี้ และเห็นว่าเป็นกฎหมายที่ดูแลให้ผู้ค้าปลีกทุกรายอยู่ร่วมกันได้

น.ส.เพียรใจ โรจนสินวิไลย ตัวแทนจากสมาพันธ์ต้านค้าปลีกต่างชาติ กล่าวว่า แม้ภาครัฐจะออกหลักเกณฑ์เพื่อชะลอการขยายสาขา ระหว่างรอกฎหมาย แต่ในหลายพื้นที่ยังมีการขยายสาขาของห้างค้าปลีกต่อเนื่อง และห้างค้าปลีกได้ส่งพนักงานมาสำรวจราคาร้านค้าปลีกรายย่อยในพื้นที่ว่าจำหน่ายราคาสินค้าเท่าไหร่ เพื่อจะนำไปลดราคาในห้างให้ถูกกว่าประมาณ 1-3 บาท ทำให้ร้านค้าย่อยได้รับความเดือดร้อนมาก เพราะไม่สามารถต่อรองราคากับผู้ผลิตได้เท่าห้างค้าปลีกขนาดใหญ่

แหล่งที่มา